TOP 10 สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก

สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก

แมว ถือเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ทุกคนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ เพราะ มีลักษณะที่น่ารัก ทั้งชอบออดอ้อน เอาใจเจ้าของ ผู้คนทั่วโลกจึงชอบเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา และ ตามนิสัยของมนุษย์เวลาจะซื้ออะไรที แม้แต่สัตว์ก็ต้องเลือกลักษณะที่ถูกใจ หรือตามกระแสนิยมที่สุด ทำให้แมวบางสายพันธุ์ได้รับความนิยมมาก
จึงมีราคาค่อนข้างสูง ในขณะที่บางพันธุ์มีราคาแพงเพราะพันธุ์ยาก จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการมีฐานะของผู้เพาะเลี้ยง ซึ่งวันนี้ทางเราก็ได้กลับทำ
TOP 10 สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก มาให้ได้ติดตามกัน โดยมีสายพันธุ์ดังต่อไปนี้

อันดับที่ 10. แมวอเมริกัน ไวร์แฮร์ (ค่าตัว 38,000 บาท)

แมวอเมริกัน ไวร์แฮร์ เป็น แมวบ้าน สายพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในตอนเหนือของ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ ขนที่แข็ง และ หนวดที่หงิกงอ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ในปี 2017 แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะเป็นที่รู้จักกันดี แต่ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็น สายพันธุ์แมว ที่หายากที่สุดในสมาคมนักเล่นแมวทั้ง 41 สายพันธุ์อเมริกัน ไวร์แฮร์เป็นแมวขนาดกลางที่มีโครงสร้างแข็งแรง พวกมันมีขนสั้น และ หนาทึบ เมื่อสัมผัส หนวดของพวกมันยังแข็งแรง และ โค้งงออีกด้วย American Wirehairs มีหลากหลายสี ได้แก่ ดำ ขาว น้ำตาล และ ลายแท็บบี้ ซึ่งปัจจุบันมีราคาตัวละ 38,000 บาท

อันดับที่ 9. แมวอเมริกันเคิร์ล (ค่าตัว 39,000 บาท)

แมวอเมริกันเคิร์ล เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะพิเศษคือ หูที่โค้งงอ แมวพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง เลควูด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 1966 โดยมีแมวตัวเมียชื่อซูซานเกิดมาพร้อมกับหูที่โค้งงอ จากการสืบค้นพบว่า ซูซานมีพ่อพันธุ์เป็นแมวตัวผู้ที่มีหูโค้งงอ และ แม่พันธุ์เป็นแมวตัวเมียที่มีหูปกติ ซูซานมีลูกแมวจำนวน 6 ตัว ซึ่งลูกแมวทั้งหมดก็เกิดมาพร้อมกับหูที่โค้งงอเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการเกิด 

แมวอเมริกันเคิร์ล  อเมริกันเคิร์ลเป็นแมวขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 3-6 กิโลกรัม ขนสั้น ขนหนาแน่น ขนมีความยาวประมาณ 1-2 นิ้ว ขนของอเมริกันเคิร์ลสามารถมีได้หลายสี เช่น ดำ ขาว น้ำตาล ครีม เทา ฟ้า ฯลฯ อเมริกันเคิร์ลเป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง ชอบเล่น และรักเจ้าของมาก อเมริกันเคิร์ลเป็นแมวที่ดูแลง่าย ขนของอเมริกันเคิร์ลไม่ต้องการการดูแลมากนัก เพียงแค่แปรงขนสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว ซึ่งมีราคาค่าตัวสูงถึง 39,000 บาท

อันดับที่ 8. แมวรัสเซียนบลู (ค่าตัว 96,000 บาท)

TOP 10 สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก

แมวรัสเซียนบลู เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในหลายประเทศทั่วโลก เป็นแมวที่มีขนสั้น ขนแน่น ขนมีสีเทาเงิน หรือ เทาควัน ดวงตาของรัสเซียนบลูมีสีฟ้าสดใส รัสเซียนบลูเป็นแมวที่มีขนาดปานกลาง น้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม รัสเซียนบลูเป็นแมวที่รักเจ้าของมาก เป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง และ   ขี้เล่น โดยแมวชนิดนี้ไม่ต้องการการดูแลขนมากนัก เพียงแค่แปรงขนสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว  แมวรัสเซียนบลู มีถิ่นกำเนิดในรัสเซีย ถูกค้นพบครั้งแรกใน
ศตวรรษที่ 18 รัสเซียนบลูถูกนำเข้ามาในยุโรปครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนถูกนำเข้ามาในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีการซื้อขายกันสูงถึง 96,000 บาท

 

อันดับที่ 7. แมวสก็อตติชโฟลด์ (ค่าตัว 97,000 บาท)

แมวสก็อตติชโฟลด์

แมวสก็อตติชโฟลด์ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีต้นกำเนิดในสกอตแลนด์ ในช่วงปี ค.ศ. 1961 แมวตัวเมียชื่อ ซูซี่ เกิดมาพร้อมกับหูพับ จากการสืบค้นพบว่า ซูซี่ มี พ่อพันธุ์แมว ที่มีหูพับ และ แม่พันธุ์แมว ที่มีหูปกติ  ซูซี่ มีลูกแมวจำนวน 6 ตัว ซึ่งลูกแมวทั้งหมดก็เกิดมาพร้อมกับหูพับเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการเกิดแมวพันธุ์สก็อตติชโฟลด์  สก็อตติชโฟลด์เป็นแมวขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม ขนสั้น ขนหนาแน่น ขนมีความยาวประมาณ 1-2 นิ้ว ขนของแมวชนิดนี้สามารถมีได้หลายสี เช่น ดำ ขาว น้ำตาล ครีม เทา ฟ้า ฯลฯ สก็อตติชโฟลด์เป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง ชอบเล่น และ รักเจ้าของมาก โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 97,000 บาท

 

อันดับที่ 6. แมวสฟิงซ์ (ค่าตัว 104,000บาท)

แมวสฟิงซ์

แมวสฟิงซ์ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะเด่นคือ ขนที่สั้นมาก หรือ ไม่มีขนเลย แมวพันธุ์ นี้เกิดขึ้นที่ประเทศ แคนาดา ในช่วงปี ค.ศ. 1966 จากการผสมพันธุ์ระหว่าง แมวพันธุ์เดวอนเร็กซ์ และ แมวพันธุ์อเมริกัน ชอร์ตแฮร์  สฟิงซ์ เป็นแมวขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม ผิวหนังของ สฟิงซ์ นุ่ม และ ยืดหยุ่น ผิวหนังมีต่อมเหงื่อจำนวนมาก จึงทำให้ แมวพันธุ์นี้ต้องอาบน้ำบ่อย ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สฟิงซ์ เป็นแมวที่มีดวงตาสีฟ้า หรือ สีเขียว ตากลม จมูกสั้น ปากเล็ก และ หูใหญ่  เป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง ขี้เล่น และ รักเจ้าของมาก ชอบที่จะอยู่ใกล้ ๆ เจ้าของตลอดเวลา เป็นแมวที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี และ ไม่ต้องการพื้นที่มากในการเลี้ยงดู ซึ่งถือเป็นแมวอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีราคาสูงถึง 104,000 บาท เลยทีเดียว

อันดับ 5. แมวปีเตอร์บัลด์ (ค่าตัว 160,000 บาท)

แมวปีเตอร์บัลด์ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในรัสเซีย ในช่วงปี ค.ศ. 1994 แมวพันธุ์นี้เกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์ระหว่าง แมวพันธุ์ดอนสคอย และ แมวพันธุ์โอเรียนเต็ลช็อตแฮร์ ขนของปีเตอร์บัลด์ มีความยาวสั้นมาก หรือ อาจไม่มีขนเลย ผิวหนังของปีเตอร์บัลด์มีต่อมเหงื่อจำนวนมาก จึงทำให้ปีเตอร์บัลด์ต้องอาบน้ำบ่อย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นแมวที่มีดวงตาสีฟ้า หรือ สีเขียว ตากลม จมูกสั้น ปากเล็ก และ หูใหญ่ และ ยังเป็นแมวที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคผิวหนัง โรคหัวใจ และโรคไต ปีเตอร์บัลด์มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี เป็นแมวที่เหมาะสำหรับคนที่รักแมว และ ต้องการเลี้ยงแมวที่ฉลาด ร่าเริง และ ขี้เล่น ซึ่งตอนนี้มีราคาการซื้อขายกันอยู่ที่ 160,000 บาท

อันดับที่ 4. แมวเปอร์เซีย (ค่าตัว 175,000 บาท)

แมวเปอร์เซีย เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นแมวที่มีลักษณะขนยาว ขนหนาแน่น และ มีขนที่มีความยาวประมาณ 10-12 นิ้ว ขนของแมวเปอร์เซียสามารถมีได้หลายสี เช่น ดำ ขาว น้ำตาล ครีม เทา ฟ้า ฯลฯ แมวเปอร์เซียมีหัวกลม ตาโต จมูกสั้น และ หูเล็ก เป็นแมวที่รักเจ้าของมาก โดย ลักษณะนิสัยของแมว เปอร์เซียเป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง ขี้เล่น และ ดูแลง่าย ขนของแมวเปอร์เซียไม่ต้องการการดูแลมากนัก เพียงแค่แปรงขนสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว  

โดยแมวสายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในเปอร์เซีย (ปัจจุบันคืออิหร่าน) ก่อนถูกนำเข้ามาในยุโรปครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 16 แมวเปอร์เซียถูกนำเข้ามาในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งแมวสายพันธุ์นี้อาจมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพบางประการ เช่น โรคหัวใจ โรคไต และ โรคเบาหวาน โดย อายุขัยแมว ชนิดนี้เฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี แต่ก็ยังมีค่าตัวสูงถึง 175,000 บาท

อันดับที่ 3. แมวเบงกอล (ค่าตัว 800,000 บาท)

TOP 10 สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก

แมวเบงกอล เป็นสายพันธุ์แมวที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่าง แมวดาวเอเชีย กับ แมวบ้าน แมวสายพันธุ์นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1960 โดยเจเน็ต ลอว์เรนซ์ นักเพาะพันธุ์แมว ชาวอเมริกัน เบงกอล มีขนสั้น หนา และ  นุ่ม  มีหางยาว ดวงตาสีเหลือง เขียว หรือ ฟ้า มีน้ำหนักประมาณ 4-6 กิโลกรัม มีลวดลายที่คล้ายกับ แมวดาวเอเชีย พวกมันเป็น แมวที่ฉลาด ร่าเริง และ ชอบเล่น 

เบงกอลเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นแมวสายพันธุ์ที่กระตือรือร้น ชอบเล่น และ ต้องการการออกกำลังกายเป็นอยู่ประจำ จึงควรมี ของเล่นแมว หรือ พื้นที่ให้พวกมันได้วิ่งเล่น และ ปีนป่าย โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 800,000 บาท

อันดับที่ 2. แมวสะวันนา (ค่าตัว 1,600,000 บาท)

แมวสะวันนา

แมวสะวันนา เป็นสายพันธุ์แมวที่เกิดจากการผสมข้ามระหว่าง แมวบ้าน กับ แมวเซอร์วัล แมวเซอร์วัล เป็น แมวป่า ที่พบในแอฟริกา ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1980 โดยคริสติน ซิมส์ นักเพาะพันธุ์แมวชาวอเมริกัน เป็น แมวสายพันธุ์ใหญ่ ที่มีขนสั้น หนา และ นุ่ม มีลายจุดสีน้ำตาล ดำ หรือ ทอง แมวชนิดนี้เป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง และ ชอบเล่น พวกมันเข้ากับเด็ก และ สัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้ดี 

เป็น สายพันธุ์แมวต่างประเทศ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ แมวที่สวยที่สุดในโลก โดยพฤติกรรมแนว ชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างฉลาด ซุกซน และ ชอบทำลายข้าวของ แมวสะวันนาเป็นสายพันธุ์ที่รักเจ้าของ แล ะชอบใช้เวลาร่วมกับเจ้าของ จึงควรหาเวลาให้พวกมันได้เล่น และ ใช้เวลาร่วมกับเจ้าของเป็นประจำ โดยมีค่าตัวสูงถึง 1,600,000 บาท

อันดับที่ 1. แมวอชิระ (ค่าตัว 4,000,000 บาท)

แมวอชิระ

แมวอชิระ เป็นสายพันธุ์แมวที่เกิดจากการผสมข้ามระหว่าง แมวพันธุ์เบงกอล และ แมวสยาม แมวอชิระ ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1990 โดยเจเน็ต ลอว์เรนซ์ นักเพาะพันธุ์แมวชาวอเมริกัน  เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงใหญ่ มีขนสั้น หนา และ นุ่ม มีลวดลายที่คล้ายกับแมวเบงกอล แต่มีสีสันที่หลากหลายกว่า แมวอชิระเป็นแมวที่ฉลาด ร่าเริง และ ชอบเล่น พวกมันเข้ากับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้ดี เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันถือเป็น แมวที่แพงที่สุดในโลก โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 4,000,000 บาท

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม :: สายพันธุ์แมว